ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

LEVEL1 12 SENSES UNIT 3 เข้าใจและพัฒนาลูกด้วย MIDDLE SENSES

ก่อนเข้าสู่บทเรียนขอเชิญชวนผู้เรียนทุกท่านกลับมาอยู่กับลมหายใจแห่งสติ จะอยู่ในอิริยาบทใดก็ได้ นั่งให้สบาย ผ่อนคลายดึงกระดูกสันหลังให้ตั้งตรง แล้วหายใจเข้าออก 3 ชุด  

วิธีการหายใจ

หายใจเข้า-ออก ชุดที่ 1 หายใจเข้า…รู้ หายใจออก…รู้  

หายใจเข้า-ออกชุดที่ 2 หายใจเข้า…อ่อนโยน หายใจออก…ผ่อนคลาย 

หายใจเข้า-ออกชุดที่ 3 หายใจเข้า…กายอยู่ที่นี่ หายใจออก…ใจอยู่ที่นี่ 

เมื่อมีกายและใจเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ในปัจจุบันขณะที่เป็นเวลาที่ประเสิรฐสุดแล้วให้กลับมาภาวนากับลมหายใจไปพร้อมกับท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต 


เมื่อปรับสมดุลกายใจก่อนเรียนรู้แล้ว ขอเชิญทุกท่านกลับเข้าสู่บทเรียน ‘ 12 SENSES เข้าใจและพัฒนาลูกด้วย MIDDLE SENSES’ โดย นพ. ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุลโดยการเลื่อนลงไปดูเนื้อหาด้านล่างนี้

เนื้อหาในวิดีโอชุดนี้เกี่ยวกับ MIDDLE SENSES  เด็กที่มีอายุ 7-14 ปี ผัสสะที่ทำงานใกล้ชิดกับดวงจิตที่เรียกว่า Sense of Soul จะตื่นตัว
1. Sense of Smell ผัสสะรู้กลิ่นที่ไม่เพียงจะเป็น พื้นฐานของ Common sense เกี่ยวกับการดมกลิ่น แต่ยังมีผลต่อ ความสามารถในการแยกแยะความถูกผิดในระดับจิตใต้สำนึกอีกด้วย ย
2. Sense of Taste ผัสสะรับรส ที่นอกจากจะทำงานกับสิ้นแล้วยังพัฒนาต่อเป็นสัญชาตญาณของการกินอยู่ที่สมดุลและมีสุขภาพดี อีกทั้งการใช้ชีวิตที่กลมกลืน (Harmony) กับสิ่งรอบๆ ตัว 
สติ ! ผัสสะทั้ง 2 แบบอาจถูกทำให้ชาด้านได้ หากตั้งแต่เด็กเรา ถูกป้อนให้กินแต่สารแต่งสีแต่งกลิ่น ซึ่งนอกจากจะทำให้เราไม่รู้จัก ธรรมชาติของอาหารที่ดีและเหมาะสมแล้ว เรายังสูญเสีย Common sense ในการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมไปด้วย
3 Sense of Sight ผัสสะการมองเห็น สัตว์มีสัญชาตญาณที่ดีกว่ามนุษย์เพราะมันไม่คิดมากเหมือนคน ในดวงตาคนประจุเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดที่ตัดสินว่าภาพที่ตาเห็นนั้นเป็นอะไร ตาของเราจึงถูกหลอกได้ง่ายมากเมื่อมองดูภาพลวงตา การกล่อมเกลาเด็ก ๆ ให้มองเห็นความงามที่ซ่อนอยู่ เห็นในสิ่งที่ตาไม่เห็น การฝึกสังเกตธรรมชาติโดยไม่ด่วนตัดสินให้เป็นความเคยชินจึงเป็นเรื่องสำคัญในการพัฒนาผัสสะนี้
4. Sense of Warmth ผัสสะรับรู้ความอบอุ่นที่นอกจากจะรับรู้ ปรากฏการณ์ร้อนหนาว แท้จริงแล้วคือสัมพันธภาพของเรากับโลกภายนอก หากโลกหมางเมินต่อเรา เราย่อมรู้สึกหนาวเหน็บ แต่หาก โลกใส่ใจต่อเรา หัวใจของเราย่อมรู้สึกอบอุ่น
พืชไม่อาจผลิดอกไม้ที่มีสีสันได้หากไม่ได้รับสีสันจากแสงแดดฉันใด ผัสสะเหล่านี้ หากล่วงเลยไปจนเป็นผู้ใหญ่โดยปราศจากการกระตุ้นการรับรู้ที่เหมาะสม ดวงจิตของเด็กก็จะไม่อาจรับรู้สิ่งที่กล่าว มานี้ได้ฉันนั้น
สติ! ถ้าเราอยากให้ลูกของเรามีสัญชาตญาณต่อความผิดถูก มีความกลมกล่อมในการดำรงชีวิต มีสายตาที่มองเห็นความงามที่ซ่อนอยู่และมีจิตใจที่อบอุ่น ขอท่านเลี้ยงดูลูกของท่านด้วยผัสสะที่ว่านี้ตั้งแต่ยังเยาว์วัยให้นะเจ้าคะ
สรุป 4 ผัสสะใน Sense of Soul นี้ไม่ใช่แค่การรับรู้ ในเชิงกายภาพ แต่เชื่อมโยงกับการเติบโตในการเป็นมนุษย์อีกด้วย Sense of Smell เชื่อมโยงกับการแยกแยะสิ่งที่ดีและผิดปกติ Sense of Taste เชื่อมโยงกับรสนิยมในการใช้ชีวิต Sense of Sight เชื่อมโยงกับการไม่ตัดสินจากภายนอก Sense of Warmth เชื่อมโยงกับความรู้สึกอบอุ่น






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เป้าหมายในการสร้างผู้นำแห่งสติ

 3 กลุ่มทักษะของผู้นำแห่งสติ  ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้เพื่อสร้างผู้นำแห่งสติของโครงการขับเคลื่อนครอบครัวอบอุ่นด้วยสติในองค์กรมุ่งการพัฒนาทักษะพื้นฐานในการใช้ชีวิตและการทำงาน (Skills for Life) 3 ด้าน ได้แก่ 1. ทักษะการดำรงชีวิตประจำวัน (Daily Life Skills) เป็นทักษะในการดูแลตนเองทางด้านการกิน นอน พักผ่อน ความปลอดภัย และการเงิน  2. ทักษะชีวิต (Life Skills) เป็นทักษะในการอยู่ร่วมกันด้วยสติ ได้แก่ การตระหนักรู้ (Awareness)  การเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ความร่วมมือ (Collaboration) การโน้มน้าวใจ (Communication) ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) การปรับตัว (Adaptation) และการบริหารเวลา (Time Management)  3. ทักษะความรอบรู้ (Literacy Skills) เป็นทักษะเพื่อการอยู่กับโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ได้แก่ ทักษะความรอบรู้ด้านสื่อ (Media Literacy) และความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) 3 คุณสมบัติของผู้นำแห่งสติ  ผู้นำแห่งสติ หมายถึง ผู้ที่สามารถพาตนให้รอดพ้นจากความทุกข์ได้ และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้อื่นได้ ซึ่งท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ได้ชักชวนผู้คนทุกเพศวัยให้เข้ามาฝึกตนให้มีคุณสมบัติ 3 ข้อนี้

โปรแกรมครอบครัวแห่งสติ สร้างลูก สร้างโลก

 โปรแกรม ครอบครัวแห่งสติสร้างลูกสร้างโลก   โปรแกรมครอบครัวแห่งสติสร้าางลูกสร้างโลก เป็นโปรแกรมที่ประกอบด้วยหลักสูตรย่อยทั้งรูปแบบ on land  online, on site และ hybrid เพื่อการออกแบบชีวิตที่อยู่ดีมีสุขด้วยสติ (Mindful Wellness Lifestyle) สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่มีลูกตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงลูกอายุ 14  ปี ที่เรียกว่า 'กลุ่มสร้างลูก'   เนื้อหาของหลักสูตร ภายในโปรแกรมออกแบบขึ้นเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนที่มีลูกที่ต้องการเตรียมตัวทั้งตนเองและลูกให้เกิดภูมิคุ้มกันชีวิต จนสามารถสร้างชีวิตที่มีไลฟ์สไตล์แบบมีสุขภาวะดีทั้ง กาย ใจ จิตวิญญาณ (Wellness Lifestyle) โดยชวนให้เตรียมตัวเองล่วงหน้าให้มีไลฟ์สไตล์แบบพึ่งตัวเองได้ทั้งกาย ใจ และเศรษฐกิจ มีความพร้อมในการดูแลสมาชิกครอบครัวและเป็นผู้ให้ในบทบาทของพ่อแม่และคนทำงานในองค์กร สามารถเป็นที่พึ่งทางใจ ให้สติ และชี้แนะแนวทางแก้ปัญหาชีวิตอย่างมีสติ ให้แก่กับลูก คนในครอบครัว เพื่อนในที่ทำงานได้ และเป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิตให้ผ่านยุคดิสรัปชั่นจากวิกฤติโควิด-19 เข้าสู่สังคมยุค New Normal-Now Normal ได้อย่างมีความสุข วิทยากรจิตอาสา ที่มาร่วมพัฒนาโปรแกร

ทฤษฏีที่นำมาออกแบบกระบวนการเรียนรู้

  ทฤษฏีที่นำมาออกแบบกระบวนการเรียนรู้ เสถียรธรรมสถาน เป็น 'ชุมชนแห่งการเรียนรู้(Learning Community) เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างศานติ โดยมีพุทธรรมเป็นรากฐาน' ก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ.2530 โดยท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต มีแนวคิดในการออกแบบการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (Learner Oriented) และใช้ศิลปะในการออกแบบการเรียนรู้แบบเกลียวเชือก โดยจัดประสบการณ์เรียนรู้ที่หลากหลาย  ให้สอดคล้องกับจริตของผู้เรียนที่แตกต่างกัน จนเกิดเป็นศิลปะการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่เรียกว่า 'มองนอก ดูใน' เพื่อให้ผู้เรียนใช้ประสบการณ์ภายนอกน้อมนำให้เกิดประสบการณ์ภายในจนนำไปสู่การพัฒนาจิตใจได้ด้วยทฤษฎีการเรียนรู้ 3 ด้าน ได้แก่   1.พุทธศาสตร์   ใช้หลักไตรสิกขา อริยสัจ  ปฏิจจสมุปบาทและธรรมประกอบกัน เช่น อุปกิเลส  อริยมรรค  อินทรีย์ภาวนา สัปปุริสธรรม สัปปายะ ขันธ์ 5 ภาวนา 4  อิทธิบาท 4 พรหมวิหาร 4 เป็นต้น  มาสื่อสารแบบร่วมสมัยเน้นการถ่ายทอดความรู้แบบ 'ทำของยากให้ง่าย' ใช้ภาษาเรียบง่ายและเข้าถึงคนทุกวัย   2.วิทยาศาสตร์   ใช้หลัก Brain-Based Learning (BBL) มาออกแบบประสบการณ์เพื่อทำให้เกิดกิจกรรม